ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก มิถุนายน, 2018

profile โอวัลติน

Profile - โอวัลติน หรือ Ovaltine เป็นแบรนด์ของ Associated British Foods Plc (ABF) บริษัทยักษ์ใหญ่ทางด้านอาหารสัญชาติอังกฤษ ที่ได้ซื้อแบรนด์โอวัลตินมาจาก Novartis AG กลุ่มบริษัทยักษ์ของสวิสเซอร์แลนด์ในปี 2002 ด้วยมูลค่ามากกว่า 270 ล้านบาท โดยเริ่มแรกเครื่องดื่มโอวัลตินกำเนิดขึ้นจาก Wander Ltd. ในปี 1904 แต่ต่อมาบริษัทได้ถูกครอบครองกิจการโดย Sandoz ในปี 1967 และในปี 1996 บริษัท Sandoz, บริษัท Ciba, และบริษัท Geigy ได้รวมกิจการกันเป็นบริษัท Novartis AG ปัจจุบันโอวัลตินเป็นที่แพร่หลายในตลาดยุโรป จีน รวมทั้งประเทศไทย มี A.B. Food and Beverages (Thailand) เป็นผู้ผลิตและทำตลาดให้ นอกจากนี้ไทยยังเป็นฐานการผลิตสำคัญส่งออกสินค้าไปยังประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย ส่วนทางด้าน Products หรือ ผลิตภัณฑืของโอวัลติน ก็จะมี... - เครื่องดื่มปรุงสำเร็จรสช็อคโกแลต - เครื่องดื่มรสมอลท์(อันนี้ก็อร่อย)

วิธีชงโอวัลตินให้อร่อย

แล้วชงยังไงให้อร่อย  วิธีชงให้อร่อยนั้น คือ ชงกับ “นม” ครับ โดยใช้วิธีอุ่นนมให้ร้อน แล้วเติมโอวัลตินลงไปชงเลยครับ หรือถ้าจะชงเย็น ก็ใช้น้ำร้อนชง (ใช้น้ำร้อนนิดเดียว แค่พอโอวัลตินละลาย) จะนั้นก็เติมนมลงไป เท่านี้คุณก็จะได้ โอวัลติน รสกลมกล่อม กลิ่นหอมถูกใจ และยังได้สารอาหารมากมายกินโอวัลตินแล้วอ้วนมั๊ย!!สำหรับ คนที่คิดว่า ดื่มโอวัลตินแล้วอ้วน จริงๆแล้วโอวัลตินไม่ได้ทำให้อ้วนหรอกครับ ตัวที่ทำให้อ้วนนั่นคือ “นมข้นหวาน” ที่คุณเติมลงไปนั่นแหละถ้าคนที่กลัวอ้วน หรือต้องการควบคุมน้ำหนัก ก็สามารถ ชงโอวัลตินกับน้ำร้อน โดยที่ไม่ต้องเติมน้ำตาล นมข้นหวาน หรือ ครีมเทียมก็ได้นะครับ

วิธีชงโอวัลติน

วิธีชงความอร่อย สำหรับการชงโอวัลตินนั้นก็แสนจะง่ายมากครับคือ ชงกับนมได้เลย แค่ใช้วิธีอุ่นนมให้ร้อน (ราว 1/2 แก้ว) แล้วเติมโอวัลตินและ นมข้นหวานลงไปชง (อย่างละ 2 ช้อนชา) พร้อมเหยาะนมสดลงไปนิดหน่อยแค่นั้นเอง หรือถ้าอยากดื่มแบบเย็น ให้ใช้น้ำร้อนชง ไม่ต้องถึงครึ่งแก้ว คือพอให้โอวัลตินละลาย กับน้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ รวมทั้งนมข้นหวานและผงโอวัลติน (อย่างละ 2 ช้อนชา) คนให้ละลาย เทลงในแก้วพร้อมน้ำแข็งที่เตรียมไว้แล้ว โรยด้วยนมสดนิดหน่อยเป็นอันว่าจบ ส่วนคนที่กลัวอ้วนจริงๆ ก็ยังสามารถชงโอวัลตินกับน้ำร้อนได้ โดยที่ไม่ต้องเติมน้ำตาล รวมทั้งนมข้นหวานหรือครีมเทียมด้วย (จะเอากันถึงขนาดนั้นเลยไหมครับ) นอกจากนี้ถ้าอยากประยุกต์ให้เกิดเป็นความแปลกใหม่ ยังสามารถทำได้อีกหลากหลายอย่าง เช่น โอวัลตินภูเขาไฟ โอวัลตินปั่น โอวัลตินสมูธตี้ และโอวัลตินมอลต์ก้ารวมทั้งในรูปแบบอื่นๆ อีกมากมาย รักชอบแบบไหนอย่างไรก็ตามสะดวกเถอะ! แล้วเจอกันด้วยเรื่องราวดีๆ ในงวดหน้าอีกเช่นเคยนะครับ

กำเนิดเครื่องดื่มมอลต์สะกิด

กำเนิดเครื่องดื่มมอลต์สะกิด   มาถึงตรงนี้แล้วน่าพอจะสรุปได้ว่า ถ้าเราจะไม่พูดกันถึงนมนั้นก็เครื่องดื่ม “มอลต์สกัด” อย่าง “โอวัลติน” นี่แหละครับที่ดูมีคุณค่าทางโภชนาการมากที่สุด ดังนั้นก่อนจบถ้าเราไม่พูดถึง “ประวัติความเป็นมา” ของโอวัลติน (ตาม...

สีสีนของเครื่องดื่ม

สีสันของเครื่องดื่ม และเมื่อพูดถึงโอวัลตินต้องยอมรับกันนะครับว่า พวกเราส่วนใหญ่จะรู้จักกันมากกว่า ไมโลไม่รู้เป็นเพราะว่าโอวัลติน (กำเนิด ปีค.ศ. 1904) เกิดก่อน ไมโล (กำเนิด ปีคศ. 1934) หรืออย่างไร รวมทั้งเป็นไปได้ไหมว่า สีเขียวของไมโล นั้นอาจมีส่วนช่วยตอกย้ำความรู้สึกสดชื่น และพลังได้น้อยกว่า “สีส้ม” ของ “โอวัลติน” ซึ่งในภาพรวมๆ กลับจูงใจผู้บริโภคให้รู้สึกถึงการเป็น เครื่องดื่มที่ให้พลังงาน สร้างความกระปรี้กระเปร่าได้มากกว่า เลยทำให้โอวัลตินยึดหัวหาดครอง ส่วนแบ่งการตลาดไปกว่า 2 ใน 3 จึงเห็นได้ชัดว่าสภาพการแข่งขันของ “เครื่องดื่มมอลต์สกัด” นี้ น่าจะมีผู้ผลิตหลักๆ ที่ยังต่อสู้กันอยู่เหลือเพียงแค่ 2 รายเท่านั้นเอง แต่ตราบใดที่สงครามยังไม่จบอย่าพึ่งนำศพทหารนะครับ แม้ว่าโอวัลตินจะพัฒนาโดยเฉพาะ ทางด้านรสชาติและส่วนผสม เพื่อสร้างทางเลือกใหม่ให้กับผู้บริโภคอย่างต่อเนื่องก็ตาม ( เช่น ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่าง classic, 3 in 1, swiss, whitemalt, ovaltinies และ ovaltineuht รวมทั้งโอวัลตินมอลต์ช็อคโกแลตไฮไนน์ ( ovaltine hi 9) ด้วย ซึ่งจะนำไปดื่มนอกหรือในบ้าน ก็ได้แล้วแต่สะดวก) ...

ชนิดเครื่องดื่ม

เ ครื่องดื่มมอลต์สกัดกับโกโก้ และช็อกโกแลต รวมทั้งบางคนอาจพิจารณาจากภายนอกคือมองเผินๆ แล้วแอบเหมารวมเข้าพวกไปกับโกโก้หรือช็อกโกแลตด้วยแบบมึนๆ แถมยังถามต่ออีกว่า   “ แล้วมันแตกต่างกันไหมหรืออย่างไร ?” เอาเป็นว่าถ้าระหว่าง “โอวัลติน” กับ “ไมโล” นั้นก็ต้องขอตอบว่าเหมือนกันยังกับฝาแฝดแน่นอน แต่ถ้าเป็นโกโก้หรือ ช็อกโกแลตคงได้เพียงแค่เกือบเหมือน คือเป็นเครื่องดื่มบำรุงอันทรง คุณค่าเหมือนกัน เพียงแต่ที่ไปและที่มา รวมทั้งคุณค่าทางโภชนาการแต่งต่างกันเท่านั้นเองรับ เพราะ   cocoa   เป็นเมล็ดของต้นโกโก้ ที่ถูกค้นพบโดยชาว มายา (ชาวมายาเป็นชนพื้นเมืองเผ่าหนึ่งของอเมริกา) และชาวอัซเตก ( aztecs หมายถึงกลุ่มชาติพันธ์ในทางตอนกลางของเม็กซิโก) มีคุณประโยชน์มากมาย อย่างเช่น แคลเซียม แมกนีเซียม นอกจากนี้ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระรวมทั้งสารฟลาโวนอยด์ ( flavonoid) ซึ่งมีประโยชน์เช่นเดียวกันกับ ชาหรือไวน์แดง โดยนักวิจัยยังเปิดเผยต่อไปอีกด้วยว่า การดื่มโกโก้วันละแก้วอาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพความจำของสมองได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ส่วนช็อกโกแลตทำมาจากการหมัก คั่ว 3และบดอย่างละเอีย...

ประโยชน์โอวัลติน

ประโยชน์จากเครื่องดื่ม โอวัลตินหรือไมโลอุดมไปด้วยสารอาหารจาก   “ มอลต์”   แล้วนำมากลั่นด้วยความร้อนต่ำเพื่อให้คงไว้ซึ่งคุณค่าของสารอาหารอย่างครบถ้วน ด้วยการผลิตอันพิถีพิถันเริ่มจากนำข้าวบาร์เลย์ไม่ผ่านการขัดสีมาแช่น้ำให้รากงอกออกมาเล็กน้อย เพราะเป็นช่วงที่เมล็ดข้าวบาร์เลย์เต็มไปด้วยสารอาหาร เนื่องจากเอนไซม์ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการเปลี่ยนแป้งให้เป็นน้ำตาลที่อยู่ในเมล็ดทั้งชนิดแอลฟา และเบต้านั้น จะเริ่มกระบวนการผลิตคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และสารอาหารอื่นๆ ที่ละลายน้ำ เพื่อส่งอาหารให้กับยอดอ่อนเพื่อใช้ในการเจริญเติบโต โดยสารอาหารธรรมชาติเหล่านี้ นับได้ว่ามีคุณค่าทางโภชนาการสูงและดีต่อสุขภาพมาก ไม่ว่าจะเป็นคาร์โบไฮเดรต โปรตีน วิตามินเอ วิตามินซี และธาตุเหล็ก รวมทั้งแร่ธาตุต่างๆ อีกมากมายที่ช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดงอีกด้วย

ประวัติทไวนิงส์

ประวัติศาสตร์แห่งชาทไวนิงส์ ในปีพ.ศ. 2249(1706) ทไวนิงส์ได้เริ่มจำหน่ายชาในอังกฤษ Thomas Twining ขายชาทไวนิงส์เป็นครั้งแรกในร้านกาแฟของเขาที่ชื่อว่า Tom’s Coffee House ณ กรุงลอนดอน และได้รับความนิยมแพร่หลายนับแต่นั้นเป็นต้นมา ในปัจจุบันตระกูลทไวนิงส์ภายใต้การนำของ Stephen Twining นับเป็นทายาทรุ่นที่ 10 ที่สืบทอดแบรนด์ชาชั้นนำระดับโลกนี้ ขอเชิญร่วมค้นหาทไวนิงส์ไปพร้อมกันกับเรา: ลิงค์เข้าสู่เวปไซต์ทไวนิงส์   http://www.twiningsmoment.com/thailand/

ความเป็นมา

ความเป็นมาของโอวัลติน ในปี พ.ศ. 2408 (1865) Dr. George Wande r นักเคมีชาวสวิสได้คิดค้นสูตรเครื่องดื่มร้อน ๆ เพื่อสุขภาพที่มีส่วนผสมของมอลต์สกัดจากข้าวบาร์เล่และไข่ไก่ เพื่อเสริมสร้างคุณค่าทางโภชนาการและความแข็งแรงให้แก่เด็ก ๆ ที่ขาดสารอาหาร เครื่องดื่มรูปแบบใหม่นี้เป็นที่รู้จักในชื่อ “ Ovo-Maltine” ซึ่งมาจากส่วนผสมหลัก ได้แก่ มอลต์ ( Malt) และ ไข่ ( Ovum) ต่อมาในปี พ.ศ. 2447 (1904) Dr. Albert Wander บุตรชาย Dr. George ได้เพิ่มเติมคุณค่าให้แก่สูตรเครื่องดื่มนี้ โดยการรวบรวมมอลต์สกัดจากข้าวบาร์เล่ที่ดีต่อสุขภาพเข้ากับส่วนผสมเปี่ยมคุณค่าโภชนาการอื่น ๆ อย่าง นม ไข่ไก่ และ โกโก้ พัฒนาจนเป็นเครื่องดื่มที่นำไปขายทางการค้าในประเทศอังกฤษและเรียกชื่อว่า “โอวัลติน” ในประเทศไทย มีการนำ โอวัลติน เข้ามาจำหน่ายเป็นครั้งแรกในปีพ.ศ. 2477 (1934) จนกระทั่ง ปีพ.ศ. 2531 (1988) ได้มีการสร้างโรงงานผลิตโอวัลตินเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราก...

ประวัติโอวัลติน

บริษัท เอบี ฟู้ด แอนด์ เบฟเวอร์เรจส์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นบริษัทในเครือของ Associated British Foods Plc (ABF) ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทค้าปลีก อาหารและวัตถุดิบระดับโลกที่มีสำนักงานใหญ่ในประเทศอังกฤษ ความภาคภูมิใจของเรา คือ การได้มอบ “คุณค่าดี ๆ เพื่อทุกวันของชีวิต” ให้แก่ผู้บริโภคและเป็นที่รู้จักแพร่หลายไปทั่วโลกผ่านแบรนด์ โอวัลติน ( Ovaltine) เครื่องดื่มมอลต์แสนอร่อย และแบรนด์ ทไวนิงส์ ( Twinings) ชาชั้นเลิศของโลกบริษัท เอบี ฟู้ด แอนด์ เบฟเวอร์เรจส์ (ประเทศไทย) มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงเทพมหานครและทำการตลาดให้แก่แบรนด์ต้นตำรับเก่าแก่อย่าง โอวัลติน และ ทไวนิงส์ ไปทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โรงงานผลิตของเราในประเทศไทยตั้งอยู่ที่จังหวัดสมุทรปราการและเป็นแหล่งผลิตโอวัลตินที่ใหญ่ที่สุดของโลก วิสัยทัศน์ คุณค่าดีๆ เพื่อทุกวันของชีวิต แบรนด์ของเรา 1. โอวัลติน แบรนด์เครื่องดื่มเต็มเปี่ยมด้วยคุณค่าโภชนาการและรสชาติแสนอร่อยที่เป็นที่ชื่นชอบของครอบครัวนับล้านทั่วโลก ด้วยรสชาติมอลต์เข้มข้นและคุณค่าสารอาหาร ในประเทศไทย โอวัลตินมุ่งมั่นในพันธกิจหลักในการสร้างชีวิตที่ดีกว่า...